วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ความเชื่อ , ศรัทธา หรือ งมงาย


ความเชื่อ , ศรัทธา หรือ งมงาย

  ปกติ เมื่อเราได้รับข้อมูลหรือแนวความคิดใหม่ แต่ละคนจะมีการตอบสนองในลักษณะที่
แตกต่างกันไป เช่นบางคนปฏิเสธทันที ไม่เชื่อ บางครั้งไม่ทันได้ศึกษาด้วยซ้ำ  บางคนอาจจะ
เชื่อ แต่ยังมีข้อสงสัย บางคนก็เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ
  คนที่เชื่อบ้าง แต่ยังมีข้อสงสัย อาจจะเริ่มศึกษาที่มากขึ้น เริ่มปฏิบัติตามมากขึ้น หาเหตุและ
ผล หากยังมีข้อสงสัยอีก หลายคนอาจจะศึกษามากขึ้น ลงลึกมากขึ้น ปฏิบัติมากขึ้น ซึ่งจะมี
ผลให้ความเชื่อมากขึ้น สงสัยน้อยลง หากวงจรดังกล่าวจะดำเนินไปเรื่อยๆ ในที่สุดคนเหล่านี้
จะเข้าใจทุกแง่ทุกมุมไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป และเชื่อเต็มร้อย ณ.จุดนี้เอง เราเรียกว่าศรัทธา
ซึ่งสภาวะจิตในจุดที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยมนี้จะมีพลังมหาศาล และนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก
  สำหรับบางคน เมื่อได้รับข้อมูลใหม่หรือแนวความคิดใหม่ๆเข้ามา พวกเขาอาจเชื่อเลย เชื่อ
โดยไม่มีข้อสงสัย ไม่มีเหตุผล เชื่อโดยไม่ศึกษาใดๆทั้งสิ้น ความเชื่อประเภทนี้เป็นความงมงาย
มีพลังมหาศาลเหมือนกัน แต่เป็นพลังทางลบ อาจถูกชักจูงไปในทางที่เสียหายได้
   ความแตกต่างของศรัทธา กับความงมงาย จึงอยู่ที่ความเชื่อที่ถึงจุดที่เกิดความศรัทธานั้นมี
การศึกษาเหตุและผลแล้วนำไปปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริง พลังศรัทธาจะมีแรงบวกมหาศาล แต่
ความงมงาย เป็นความเชื่อที่ไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ไม่มีการศึกษาถึงเหตุและผลใดๆ มีพลัง
มหาศาลเช่นกัน แต่เป็นพลังทางลบ อาจถูกชักจูงไปในทางผิดได้ง่าย
  การลงทุนในแนววีไอก็เช่นกัน มักเริ่มจากความเชื่อและมีข้อสงสัยมากมาย ผมเลือกที่จะ
ศึกษาเพิ่มเติมแล้วนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติ หากมีข้อสงสัยก็ศึกษาเพิ่มเติม และเอามาปฏิบัติ
ผมกระทำซ้ำอยู่เช่นนี้หลายรอบ และทุกวันก็ยังกระทำซ้ำอยู่
  แม้ทุกวันนี้จะความเชื่อใกล้เต็มร้อย ศรัทธาใกล้เต็มเปี่ยม แต่ยังมีข้อสงสัยผุดออกมาเรื่อยๆ
ก็ต้องศึกษาและปฏิบัติเพิ่มอีกเรื่อยๆ
  ศิษย์ของผมทั้ง4คนก็เช่นกัน(ภรรยา,ลูกสาว2คน,และหลาน) พวกเราต่างต้องเพิ่มความเชื่อ
ขจัดข้อสงสัย นำสู่เป้าหมายของศรัทธา และเมื่อถึงจุดนั้นพวกเราจะใช้พลังจากแรงศรัทธานั้น
มาใช้ประโยชน์ผลักดันพวกเราสู่ดินแดนแห่งความมั่งคั่งให้ได้
  แล้วพวกคุณละ เชื่อ,ศรัทธา หรือ งมงาย....

นพ.ชาญชัย กิจประเสริฐ

บทเรียนสู่ความมั่งคั่ง
ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งความมั่งคั่ง
1)บัญญัติ10ประการของคนแสวงหาความมั่งคั่ง
2)คู่มือสร้างความมั่งคั่ง
3)กฎ5ข้อของทองคำและเงิน
4)โปรแกรมจิต พิชิตความมั่งคั่ง   (
ได้รับรางวัล the story of the week)*****
5)วงจรของความมั่งคั่ง
6)คาถาหัวใจเศรษฐี
7)กฎของการแทนที่
8)ออมก่อน มั่งคั่งเร็วกว่า
9)นิยามใหม่ทางการเงิน
10)หนี้เป็นพิษ
11)เคล็ด(ไม่ลับ) 7ขั้นตอนการปลดหนี้
12)ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
13)ใครๆก็เป็นเศรษฐีเงินล้านได้
14)โรบอดความรวย(รางวัล popular of the week)  *****
15)เป้าหมายชีวิต ภารกิจครอบครัว
16)รวยด้วยรัก(รางวัลชมเชย story of the month ก.พ.2556) *****
17)คลิป เปลี่ยนชีวิต
18)ปฏิบัติการปลดหนี้ สู่วิถีพอเพียง(ได้รับรางวัล story of the month ประจำเดือน มีนาคม2556)
****

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

บริษัทที่ขยายกิจการด้วยเงินคนอื่น

บริษัทที่ขยายกิจการด้วยเงินคนอื่น
วิธีการ ดู ๆได้จาก cash conversion cycle
Cash conversion cycle=days sale outstanding + days
inventory - payable period
ค่านี้ยิ่งลบมากยิ่งดี
หลักคิดง่ายๆก็คือ บริษัท รับสินค้ามาขาย สินค้าวางอยู่หน้าร้าน
กี่วัน(days sale outstanding)
สินค้าไปวางแช่ในสะต๊อกกี่วัน(days inventory)
และสุดท้าย บริษัทต้องไปจ่ายเงินค่าสินค้ากี่วัน(payable period)
ยกตัวอย่างเช่น ปี2553
Cash conversion cycle ของ se-ed
=(9.73+38.13)-122.98 = -75.12
หมายความว่า เงินของพวกสำนักพิมม์ที่เอาหนังสือมาฝากขายมากองอยู่กับซีเอ็ด 75วัน เลย
วิธีการดู ของหุ้นธุรกิจ ที่มีคนอื่นเอาเงินมาให้ทำธุรกิจนี่ วิธีกา
พิจารณาแบบง่ายๆเบื้องต้นก็คือ ลักษณะเอาสินค้ามาขายก่อน
แล้วค่อยจ่ายสตางค์ หรือจ่ายเงินมาก่อนแล้วค่อยให้บริการ เช่น
กลุ่มโรงพยาบาล คือคนไข้จ่ายสด แต่ซื้อยามาแบบเงินเชื่อ ซึ่ง
ควรมีค่า cash conversion cycle เป็นลบ หรือหากเป็นบวกก็ไม่
ควรจะมาก คือใกล้เคียงศูนย์
หรือตัวอย่างของ dtac มีอัตราส่วน prepaid มากกว่า postpaid
ค่าเหล่านี้ก็จะเป็นลบ คือคนใช้โทรศัพท์จ่ายเงินซื้อบัตรเติมเงิน
ก่อนแล้วค่อยใช้บริการ
การมีคนเอาเงินมาให้ใช้ก่อน หากมันลบมากเกินไปและผู้บริหาร
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมาย ก็สามารถหาประโยชน์ได้อีกเช่น
จ่ายค่าสินค้าให้เร็วขึ้นแล้วขอส่วนลดมากขึ้น กำไรก็จะมากขึ้น
เช่นซีเอ็ดอาจจ่ายเงินค่าสินค้าให้คู่ค่าให้เร็วขึ้น จาก122วันเป็น
90วัน และขอส่วนลดเงินสดมากขึ้น
คราวนี้ลองมาดูฝั่งสำนักพิมพ์ อย่าง aprint ซึ่งพิมพ์หนังสือขาย
เป็นหลัก พิมพ์หนังสือ แล้วไปฝากขาย อาจมีขายเองบ้างผ่าน
นายอินทร์ แต่คงน้อยกว่าฝากขายที่ซีเอ็ด หรือ B2S
เราตั้งสมมติฐานว่า ค่า cash conversion cycle น่าจะเป็นบวก
ซึ่งหากไปดูของ aprint ปี2553ก็จะพบว่า(74.04+76.47)-
39.70= +110.82วัน
ลองกลับดูสิว่าบริษัทของคุณ เอาเงินคนอื่นมาขยายกิจการ หรือต้องเอาเงินไปให้คนอื่นขยายกิจการ
-------------------------------------
นพ.ชาญชัย กิจประเสริฐ

บทเรียนสู่ความมั่งคั่ง
ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งความมั่งคั่ง
1)บัญญัติ10ประการของคนแสวงหาความมั่งคั่ง
2)คู่มือสร้างความมั่งคั่ง
3)กฎ5ข้อของทองคำและเงิน
4)โปรแกรมจิต พิชิตความมั่งคั่ง   (
ได้รับรางวัล the story of the week)*****
5)วงจรของความมั่งคั่ง
6)คาถาหัวใจเศรษฐี
7)กฎของการแทนที่
8)ออมก่อน มั่งคั่งเร็วกว่า
9)นิยามใหม่ทางการเงิน
10)หนี้เป็นพิษ
11)เคล็ด(ไม่ลับ) 7ขั้นตอนการปลดหนี้
12)ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
13)ใครๆก็เป็นเศรษฐีเงินล้านได้
14)โรบอดความรวย(รางวัล popular of the week)  *****
15)เป้าหมายชีวิต ภารกิจครอบครัว
16)รวยด้วยรัก(รางวัลชมเชย story of the month ก.พ.2556) *****
17)คลิป เปลี่ยนชีวิต
18)ปฏิบัติการปลดหนี้ สู่วิถีพอเพียง(ได้รับรางวัล story of the month ประจำเดือน มีนาคม2556)
****

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีแยกแยะบริษัทที่คุณภาพเยี่ยม ออกจากบริษัทที่ยอดแย่


วิธีแยกแยะบริษัทที่คุณภาพเยี่ยม ออกจากบริษัทที่ยอดแย่

‎1.สินค้ามีลักษณะผูกขาด consumer monopoly มีแบรนเนม แข็งแกร่ง เป็นผู้นำตลาด สามารถปรับราคาขึ้นได้ตามเงินเฟ้อ ซึ่งจะสะท้อนไปยังงบการเงินที่รายได้จากการขายหรือบริการจะมีแนวโน้มเติบโต ไม่ผันผวน
ดูที่ sale หรือ revenue บรรทัดบนสุดของงบกำไรขาดทุน ดูย้อนกลับไปหลายๆปี ดูสิว่า เป็นอย่างไร ผันผวนมากน้อยเพียงใด อาจดูเทียบกับบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน และใช้มุมมอง หรือจินตนาการ หรือเหตุผลมองต่อไปว่า
ใน1-3ปีข้างหน้า เป็นอย่างไร มีแนวโน้มเติบโตหรือไม่ เท่าไหร่(แล้วแต่ว่าใครลงทุนยาวแค่ไหน) ดูเหตุผลว่าทำไมยอดขายจะโตได้ระดับนั้น
ยกตัวอย่าง เช่น ผมมองว่าบริษัทร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งจะโตได้ประมาณ10เปอรเซ็นต์ในอีก1ปีข้างหน้า เหตุผลของผมคือก็มันขยายสาขาได้ประมาณ10เปอรเซนต์ ซึ่งส่วนหนึ่งที่มันน่าจะได้เพราะ พวกห้างต่างๆเช่น makro lotus big c cpn มันขยายกันประมาณนี้
ร้านขายหนังสือนี้ ไม่ stand alone มันจะเปิดเฉพาะในห้อง เท่านั้น

2.กำไร แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เป็นต่อเนื่องจากข้อหนึ่ง(รายได้โต) คือเนื่องจากรายได้โต กำไรก็ควรจะโต แข็งแกร่ง ด้วยเช่นกัน
กำไรนี่ แล้วแต่จะใช้ครับ บ้างก็ดูบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุน บ้างก็ใช้กำไรก่อนหักภาษี แต่จะใช้ตัวใดก็แล้วแต่ หัวใจสำคัญคือไม่ผันผวน มีความแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโต
ความไม่ผันผวน ความแข็งแกร่ง ความสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเติบโตได้ มีความสำคัญ เพราะจะทำให้นักลงทุนประมาณการได้ใกล้เคียงและถูกต้องมากขึ้น

‎3.ROE >15% เมื่อมีกำไรสม่ำเสมอแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตแล้ว ก็มาดูสิว่า กำไรดังกล่าว คิดเป็นกี่เปอรเซ็นต์ของส่วนของผู้ถือหุ้น เราต้องการมากกว่า15%
ทำไมต้องมากกว่า15 % ก็เพราะมหัศจรรย์ผลตอบแทนทบต้นนะแหระ roe ยิ่งสูงก็ยิ่งดี ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ต้องสม่ำเสมอ
จะว่าไปแล้ว ผลสืบเนื่องจากข้อ1 และข้อ2 หากรายได้แนวโน้มเติบโต กำไรแนวโน้มเติบโต roe ก็ควรจะแนวโน้มเติบโต จริงไหม หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ต้องระวัง......

4.ROIC >15% ยิ่งสูงยิ่งดี ตัวนี้ใช้วัดฝีมือของผู้บริหารว่านำกำไรสะสมของบริษัทไปใช้ให้มีประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นได้มีประสิทธิภาพเพียงใด 
คือเมื่อบริษัทมีกำไร สิ่งที่ผู้บริหารต้องตัดสินใจคือจะนำเอากำไรไปทำอะไรบ้าง เช่นปันผลให้ผู้ถือหุ้น ,ไปลงทุนขยายกิจการ หรือไปซื้อกิจการอื่น หรือซื้อหุ้นคืน
 Roic แตกต่างจาก roe ตรงที่ว่าใช้วัดผลตอบแทนเป็นโครงการย่อยๆได้ หากเป็น roe จะใช้วัดผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นทั้งก้อน
สมมติ บริษัท มีroe>15% อยู่แล้ว และยังมีโอกาสขยายธุรกิจเดิมได้ ก็ลงทุนขยายธุรกิจต่อ แต่หากมันตื้อๆ อยากลงทุนเพิ่มในส่วนธุรกิจอื่นๆที่อาจไม่เกี่ยวเนื่องกัน หรือไปซื้อธุรกิจอื่น ผลตอบแทนในส่วนโครงการใหม่( ROIC)ก็ควรน้อยกว่า15% ยิ่งมากก็ยิ่งดี แต่หากผู้บริหารไม่มีไอเดียใหม่ๆ ทางที่ดีก็ควรจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น
  หากราคาหุ้นของบริษัทตกต่ำกว่าพื้นฐานควรจะเป็น การซื้อหุ้นคืนก็เป็นแนวความคิดที่ดี เพราะจำนวนหุ้นที่ลดลงจะทำให้ eps สูงขึ้น ในที่สุดราคาของหุ้นก็จะขึ้นมา และยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารยังมั่นใจในตัวธุรกิจ
Roic หาดูได้ ในmorning star หรือ หาดูง่ายๆคร่าวก็ ก็ดูที่ roe นั้นแหละ โดยใช้สมมติฐานว่า กิจการที่ลงทุนใหม่ หรือซื้อใหม่ ไม่ควรฉุด roe ลงต่ำกว่า15% หาก roe ยิ่งสูงขึ้นนี่แหล่มเลย....

5.Maintenance ต่ำ ยิ่งต่ำเท่าไหร่ยิงดี
ค่า maintenance หมายถึงค่าใช้จ่ายหรืองบลงทุนเพื่อรักษาสถานการณ์ดำเนินงานของบริษัท หากบริษัทใดก็ตามมีค่าใช้จ่ายลงทุนส่วนนี้ต่ำเมื่อเทียบกับกำไรที่บริษัททำได้ ยิ่งต่ำเท่าไรยิ่งดี
ยกตัวอย่างเช่น
บริษัท A ดูจากงบกำไร ขาดทุน 5ปีย้อนหลัง สามารถทำกำไรสุทธิรวมกันได้10ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันดูจากงบกระแสเงินสดและหมายเหตุประกอบงบการเงินแล้วก็ต้องใช้จ่ายเพื่อลงทุนย้อนหลังรวมกัน10ล้านบาทเช่นเดียวกัน เท่ากับความมั่งคั่ง5ปีผ่านมาเป็นศูนย์
บริษัท B ดูจากงบกำไร ขาดทุน 5ปีย้อนหลัง สามารถทำกำไรสุทธิรวมกันได้10ล้านบาท  ในขณะเดียวกันดูจากงบกระแสเงินสดในส่วนกิจกรรมการลงทุนและหมายเหตุประกอบงบการเงินแล้วใช้จ่ายเพื่อลงทุนย้อนหลังรวมกันเพียง 5 ล้านบาท เท่ากับความมั่งคั่ง5ปีผ่านมา บริษัท B สามารถสร้างความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้นได้สุทธิ5ล้านบาท
แล้วอย่างอื่นเหมือนกันหมด แล้วคุณจะเลือกเป็นเจ้าของบริษัทใด  ตอบแบบไม่ต้องคิด ก็บริษัท B นะสิ....

6.โครงสร้างทางการเงินมั่นคง ดูจาก กระแสเงินสดดี หนี้น้อย
จากเกณฑ์ ข้อ1-5 หากสิ่งที่ธุรกิจทำผ่านมามันดีจริงในที่สุด งอยู่มานานยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยโดยเฉพาะการเงิน กระเงินสดดี และในที่สุดหนี้จะน้อย โดยเฉพาะหนี้ที่เป็นหนี้ระยะยาว ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ย หนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ยิ่งน้อยยิ่งดี ไม่มีเลยยิ่งดี
   ในยามที่ทุกอย่างดูดีไปหมด การมีหนี้อาจไม่เสียหายอะไร แต่ยามที่เศรษฐกิจ ไม่ดี หรือเป็นขาลง อะไรๆก็แย่ไปหมด และช่วงนั้นแหละ หนี้จะเป็นพิษ
หากหุ้นใดเข้าเกณฑ์ทั้งหกข้อ ผมก็จะจับตามองและติดตาม หากเมื่อใดก็ตามที่ราคาของหุ้นลดราคาให้ หรือยามที่ตลาดตกต่ำ คนตื่นตระหนกเทขาย มันก็เป็นโอกาสของผมที่จะเข้าซื้อ
ส่วนกำหนดจุดซื้อ ก็คิดแบบทำธุรกิจคือ ธุรกิจที่เรากล่าวไว้ว่าจะดีมันต้องให้ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ( ROE)>15% ขึ้นไป
ดังนี้ซื้อหุ้นเราก็หวังผลตอบแทน15% ขึ้นไปเช่นกัน นั่นคือการใช้ e/p >15%หรือp/e<7เท่า นั่นเอง
หรือใช้ fcf/p >15% หรือ p/fcf<7เท่า นั่นเอง



บทเรียนสู่ความมั่งคั่ง
ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งความมั่งคั่ง
1)บัญญัติ10ประการของคนแสวงหาความมั่งคั่ง
2)คู่มือสร้างความมั่งคั่ง
3)กฎ5ข้อของทองคำและเงิน
4)โปรแกรมจิต พิชิตความมั่งคั่ง   (
ได้รับรางวัล the story of the week)*****
5)วงจรของความมั่งคั่ง
6)คาถาหัวใจเศรษฐี
7)กฎของการแทนที่
8)ออมก่อน มั่งคั่งเร็วกว่า
9)นิยามใหม่ทางการเงิน
10)หนี้เป็นพิษ
11)เคล็ด(ไม่ลับ) 7ขั้นตอนการปลดหนี้
12)ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
13)ใครๆก็เป็นเศรษฐีเงินล้านได้
14)โรบอดความรวย(รางวัล popular of the week)  *****
15)เป้าหมายชีวิต ภารกิจครอบครัว
16)รวยด้วยรัก(รางวัลชมเชย story of the month ก.พ.2556) *****
17)คลิป เปลี่ยนชีวิต
18)ปฏิบัติการปลดหนี้ สู่วิถีพอเพียง(ได้รับรางวัล story of the month ประจำเดือน มีนาคม2556)
****